แสงแดดตัวร้าย ทำลายผิวหนัง

ในแสงแดดอันเจิดจ้า มีรังสีต่าง ๆ ที่คอยทำลายผิวหนังซ่อนอยู่ มาดูกันว่ารังสีตัวใดก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวหนังอย่างไรบ้าง

 

UVA: เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร มีส่วนในการทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนัง ก่อให้เกิดผลเสียระยะยาว เช่น รอยผิวหนังเหี่ยวย่น ฝ้า กระ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังบางชนิด และต้อกระจกตา โดย UVA ทะลุผิวได้ลึกกว่า UVB และสามารถทะลุผ่านก้อนเมฆ และกระจกได้

UVB: เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร เป็นสาเหตุหลักของผิวไหม้จากแสงแดด และทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนัง ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังหลายชนิด แต่สำหรับ UVB ไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้

UVC: เป็นแสงที่ถูกกรองโดยชั้นโอโซนในบรรยากาศ จะไม่ลงมาถึงพื้นผิวโลก

Visible Light: คือแสงสว่างที่มองเห็นได้ เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 400-700 นาโนเมตร สามารถกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างเม็ดสี กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และกระตุ้นปฏิกริยาที่มีการทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนังได้

Infrared: คือคลื่นรังสีไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 700 นาโนเมตร ถึง 1 มิลลิเมตร เป็นแสงที่ตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สัมผัสถึงความร้อนได้ โดยอินฟราเรดสามารถทำลายชั้นผิวหนังได้ลึกในระดับเซลล์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการแบ่งเซลล์ ไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ที่ชั้นผิวหนัง ผู้รับรังสีจึงไม่ทันรู้ตัว หากได้รับรังสีนี้สะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้ ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ คอลลาเจนในผิวลดลง ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก จุดด่างดำ และความหย่อนคล้อยของผิวหนัง นอกจากนี้ อินฟราเรด ยังเป็นรังสีที่อยู่รอบ ๆ ตัว จากอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น จอคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เตาอบ และไดร์เป่าผม เป็นต้น

 

นอกจากนี้ ตามเมืองใหญ่ ๆ ที่มีมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมในปริมาณมาก ทั้งจากการจราจรคับคั่ง หรือจากโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนมีผลต่อการทำลายชั้นโอโซน ทำให้รังสีต่าง ๆ สามารถถึงพื้นโลกได้มากขึ้น

ดังนั้น เราควรจึงดูแลป้องกันอันตรายจากรังสีเหล่านี้ โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด พยายามอยู่ในที่ร่ม สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รวมถึงใส่หมวกปีกกว้าง และแว่นกันแดดด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้คือ การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบหลัก 5 หมู่ ไม่สูบบุหรี่ หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งเป็นการช่วยดูแลผิวได้อีกวิธีหนึ่ง